5 ไอเดียแต่งเต็นท์ขายกาแฟให้น่าถ่ายรูป สะกดทุกสายตาในงานแฟร์
การจะมีเต็นท์ขายกาแฟสักหลังที่สามารถเรียกความสนใจผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ ไม่ใช่แค่ต้องมีกลิ่นหอมละมุนของกาแฟสดเท่านั้น แต่ยังต้องดึงดูดสายตาด้วยสไตล์การตกแต่งที่โดดเด่น น่าเข้ามาถ่ายรูป เพราะเราอยู่ในยุคที่หลายคนชอบแชร์ไลฟ์สไตล์ผ่านภาพถ่ายสวย ๆ ลงโซเชียลมีเดีย คาเฟหรือร้านกาแฟกลางแจ้งก็ต้องมีเสน่ห์ไม่แพ้คาเฟในห้าง ดังนั้น การออกแบบเต็นท์ขายกาแฟให้ดูดีตั้งแต่แรกเห็นจึงถือเป็นจุดขายที่จะช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ได้ทีละนิดโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ เราจึงรวบรวมไอเดียตกแต่งเต็นท์ขายกาแฟให้น่าถ่ายรูป พร้อมทริกจัดพื้นที่ให้เต็นท์ขายของ 3×3 เมตร ให้ดูกว้างและน่าอยู่ มาดูกันว่าจะทำอย่างไรให้ร้านเล็ก ๆ ของคุณกลายเป็นคาเฟสุคคิวต์ที่ใครก็อยากแวะเช็กอิน !
5 ไอเดียตกแต่งเต็นท์ขายกาแฟให้สวยปัง น่าถ่ายรูปทุกมุม
เปิดคาเฟใครว่าขายแค่กาแฟ ! ทำการตลาดยุคนี้ เราต้องขายทั้ง “บรรยากาศ” และ “ความรู้สึก” การมีเต็นท์ขายกาแฟหน้าตาน่ารัก ๆ คือหัวใจสำคัญที่ช่วยดึงดูดลูกค้าและสายโซเชียลให้แวะมาจิบน้ำ ถ่ายรูป และแชร์ภาพลงโลกออนไลน์ ร้านไหนแต่งดี มีสไตล์ ก็เหมือนได้ป้ายโปรโมตฟรี ๆ จากลูกค้าเลยทีเดียว
1. ใช้โทนสีและธีมที่ชัดเจน สื่อถึงเอกลักษณ์ของร้าน
เวลาไปออกบูธขายของสี คือสิ่งแรกที่สะดุดตาผู้คน และบอกคาแรกเตอร์ของร้านได้ดีที่สุด เช่น เต็นท์ขายกาแฟสีเอิร์ธโทนจะให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลาย เหมาะกับร้านแนวธรรมชาติหรือร้านกลางแจ้ง ส่วนโทนมินิมอลอย่างขาว-ดำก็ช่วยให้ร้านดูเรียบหรูและทันสมัย ในขณะที่โทนสีพาสเทลจะเหมาะกับร้านแนวสดใส น่ารัก และเป็นกันเอง ตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย
2. เพิ่มเสน่ห์ด้วยวัสดุตกแต่งจากธรรมชาติ
วัสดุธรรมชาติช่วยให้บรรยากาศของร้านกาแฟกลางแจ้งดูละมุนและเข้าถึงง่ายมากขึ้น หากต้องการให้ร้านดูสบายตาและมีความกลมกลืนกับธรรมชาติ แนะนำให้ใช้ไม้สานหรือไม้ไผ่มาทำเป็นเฟรมตกแต่งรอบเต็นท์ จับคู่กับผ้าลินินหรือผ้าฝ้ายสีเอิร์ธโทน แล้วเสริมด้วยต้นไม้กระถางเล็ก ๆ หรือดอกไม้แห้งวางตามมุมต่าง ๆ เพื่อช่วยเติมชีวิตชีวาและทำให้ร้านดูอบอุ่น เป็นกันเองมากกว่าเดิม
3. ใช้ไฟตกแต่งสร้างบรรยากาศให้น่าถ่ายรูป
แสงไฟมีอะไรมากกว่าที่คิด ! เพราะสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของร้านได้ภายในพริบตา โดยเต็นท์ขายกาแฟที่ใช้ไฟ Warm Light จะให้โทนอบอุ่น ละมุนตา เหมาะสำหรับเปิดช่วงเย็นถึงค่ำ ในขณะที่ไฟสาย LED หรือไฟหยดน้ำ สามารถนำมาพาดตามขอบเต็นท์หรือโต๊ะขายของได้เพื่อเพิ่มความสว่างสดใส ส่วนใครอยากให้ร้านมีกลิ่นอายวินเทจหรือดูชิคขึ้นอีกนิด ก็อาจเลือกใช้เป็นโคมไฟไม้หรือไฟห้อยสไตล์บูทีคก็ได้
4. จัดมุมถ่ายรูปเช็กอินไว้ในร้าน
ไม่มีอะไรจะดึงดูดลูกค้าได้ดีไปกว่ามุมถ่ายรูปที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของร้านจึงควรจัดมุมเล็ก ๆ สำหรับถ่ายรูปในเต็นท์ขายกาแฟเอาไว้ด้วย โดยอาจตั้งเป็นโต๊ะไม้เล็ก ๆ คู่กับเก้าอี้ หรือมีผนังผ้าใบพิมพ์โลโก้ร้านและต้นไม้ประดับรอบ ๆ ให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปสวย ๆ แบบที่พอโพสต์ไปแล้วคนดูรู้เลยว่าภาพนี้มาจากร้านไหน เป็นอีกหนึ่งวิธีโปรโมตร้านทางอ้อมที่ได้ผลดีเลยทีเดียว
5. ใส่ดีเทลเล็ก ๆ ที่สร้างความประทับใจ
แม้จะเป็นร้านขนาดย่อมในเต็นท์ขายของ 3×3 เมตร แต่ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำให้ร้านดูมีเสน่ห์ขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ป้ายเมนูเขียนด้วยลายมือน่ารัก ๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศแบบร้านโฮมเมดที่แสนอบอุ่น หรือแม้แต่ของตกแต่งอย่างกระถางต้นไม้ ดอกไม้แห้ง กล่องไม้เก็บของ ก็สามารถทำให้ร้านดูเต็มและมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ทั้งยังทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความตั้งใจและอยากกลับมาอุดหนุนซ้ำ

5 เทคนิคจัดสเปซในเต็นท์ขายของ 3×3 เมตรให้ดูกว้างและมีฟังก์ชันครบ
เต็นท์พับ 3×3 เมตร เป็นขนาดยอดนิยมของร้านกาแฟกลางแจ้ง แต่บางครั้ง การมีพื้นที่จำกัดก็อาจทำให้การจัดร้านเป็นเรื่องท้าทาย แต่เทคนิคเหล่านี้จะทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายขึ้น ! ช่วยให้ร้านดูกว้าง ใช้งานสะดวก และไม่อึดอัดอย่างที่คุณกังวล
1. ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบพับหรือมัลติฟังก์ชัน
เลือกโต๊ะและเก้าอี้ที่พับเก็บง่าย เพื่อให้เคลื่อนย้ายสะดวกและประหยัดพื้นที่ เช่น โต๊ะบาร์ไม้พับ เก้าอี้แคมป์ หรือชั้นวางของแบบพับได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจัดโซนต่าง ๆ ได้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของแต่ละงาน
2. จัดโซนการใช้งานให้ชัดเจน
ควรแยกพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน เช่น โซนสำหรับชงกาแฟ โซนเก็บอุปกรณ์และวัตถุดิบ โซนชำระเงิน โซนเสิร์ฟ โซนถ่ายรูป การจัดสเปซแบบนี้จะช่วยให้พนักงานทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น ลูกค้าเองก็เข้าใจขั้นตอนการสั่งซื้อได้ง่าย ไม่เกิดความสับสน และยังทำให้ภาพรวมของร้านดูเรียบร้อย น่ามอง
3. ใช้แสงและสีช่วยขยายมิติ
สีอ่อน ๆ และแสงธรรมชาติจะช่วยให้พื้นที่ดูโปร่งโล่งขึ้น เช่น ใช้ผ้าคลุมโต๊ะหรือผ้าฉากหลังสีขาว ครีม หรือเบจ และติดไฟ LED แสงขาวเพื่อเพิ่มความสว่าง หากอยู่ในงานแฟร์หรืองานกลางแจ้ง ควรเลือกวัสดุที่สะท้อนแสงแดดได้ดี เพื่อไม่ให้ภายในเต็นท์ขายกาแฟร้อนเกินไป
4. ใช้การจัดแนวตั้งเพิ่มพื้นที่เก็บของ
เต็นท์ขายของ 3×3 เมตร มักมีพื้นที่แนวราบจำกัด การเพิ่มชั้นวางของแนวตั้งเข้าไปจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น ทั้งยังทำให้ร้านดูเป็นระเบียบ สวยงามขึ้นด้วย เช่น ชั้นไม้ 3-4 ชั้นสำหรับวางแก้ว ถุง อุปกรณ์ต่าง ๆ หรือตะแกรงแขวนสำหรับของตกแต่งและเมนู
5. เปิดมุม “ถ่ายรูปได้”
ลองจัดโต๊ะเล็ก ๆ ด้านหน้าเต็นท์ พร้อมวางแก้วกาแฟกับพร็อปน่ารัก ๆ หรือทำผนังเล็ก ๆ พิมพ์โลโก้ร้าน เพื่อให้ลูกค้าถ่ายรูปเช็กอินได้ง่าย และหากมีงบเพิ่มเติม แนะนำให้ใช้วัสดุพิมพ์ผ้าที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาพรวมของร้านดูมีความเป็นมืออาชีพและรักษ์โลกไปพร้อมกัน
เปลี่ยนเต็นท์เล็ก ๆ ให้กลายเป็นคาเฟสุดชิค ด้วยเต็นท์ขายของจาก Media AA
จะเห็นได้ว่าการตกแต่งเต็นท์ขายกาแฟให้โดดเด่นไม่ได้จำเป็นต้องใช้งบเยอะ เพียงแค่เข้าใจการใช้โทนสี แสง และเลือกวัสดุตกแต่งที่เหมาะสม รวมถึงการจัดพื้นที่อย่างมีฟังก์ชัน ก็สามารถเปลี่ยนร้านเล็ก ๆ ให้กลายเป็นคาเฟขนาดย่อมที่ใครก็อยากแวะมาได้ไม่ยาก
หากกำลังวางแผนเปิดบูธหรือตั้งร้านกาแฟกลางแจ้ง การเลือกใช้เต็นท์ขายของ 3×3 เมตร คุณภาพดี พร้อมวัสดุพิมพ์ผ้าที่ทนแดด กันฝน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ร้านของคุณทั้งดูสวยและใช้งานได้ยาวนาน เหมาะสำหรับเจ้าของแบรนด์และพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องออกบูธหรืองานอีเวนต์บ่อย ๆ
เลือกโครงเต็นท์พับจาก Media AA ได้เลยวันนี้ เราพร้อมออกแบบให้เหมาะกับทุกสไตล์ร้าน ทั้งใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก และทนต่อทุกสภาพอากาศ เพื่อให้ร้านกาแฟของคุณพร้อมขายและถ่ายรูปได้ทุกมุม สนใจติดต่อ โทร. 082-647-4145 หรือ LINE: @media-aa
แหล่งอ้างอิง
- Trending: Five Coffee Bar Strategies for Trade Show Exhibits. สืบค้นเมื่อ 30 ตุลาคม 2568 จาก https://www.eventmarketer.com/article/trending-five-coffee-bar-strategies-for-exhibits/.
